“พื้นที่การค้า” คือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่คุณสามารถคาดการณ์การมาเยืยนร้านค้าเมื่อพัฒนาธุรกิจการเข้าใจพื้นที่การค้ามีความสำคัญมากถึงขนาดกล่าวได้ว่า “ความเข้าใจนี้จะนำไปสู่ความสำเร็จหรือความล้มเหลวในการบริหารร้านค้า” เมื่อเลือกทำเลที่ตั้งร้านใหม่ นอกจากนี้ เนื่องจากพื้นที่การค้าเป็นพื้นฐานของธุรกิจ มีหลายสถานการณ์ที่สามารถใช้ความรู้ในแง่ของกลยุทธ์แม้เปิดร้านไปแล้วก็ตาม ในบทความนี้จะอธิบายความรู้พื้นฐานที่จำเป็นในการทำความเข้าใจพื้นที่การค้าอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
“พื้นที่การค้า” หมายถึงอะไร?
ในหลายกรณี พื้นที่การค้า หมายถึง “ขอบเขตหลักของธุรกิจ” เช่น สถานที่ที่ลูกค้าเป้าหมายอาศัยอยู่ใกล้กับร้านค้า หรือที่ที่มีลูกค้าที่ใช้บริการร้านผ่านไปมาแนวคิดของพื้นที่การค้าสำคัญมากต่อการตลาดเชิงพื้นที่ และขอบเขตนั้นมักจะแสดงด้วยรัศมีที่มีศูนย์กลางอยู่ที่ทำเลที่วางแผนเปิดร้านหรือร้านค้าที่มีอยู่ พื้นที่การค้าสร้างขึ้นโดยอิงจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทธุรกิจร้านค้า, การเปลี่ยนแปลงของประชากรในพื้นที่เป้าหมาย, วิธีการเดินทางหลักและสภาวะทางเศรษฐกิจของเป้าหมาย และการมีอยู่ของร้านค้าคู่แข่ง
พื้นที่การค้าแบ่งออกเป็น 4 ประเภทด้วยระยะทาง
การกำหนดพื้นที่การค้าและตรวจสอบลักษณะเฉพาะและการเปลี่ยนแปลงของประชากรเรียกว่า การสำรวจพื้นที่การค้าหรือการวิเคราะห์พื้นที่การค้ามีตัวบ่งชี้หลายตัวที่สามารถใช้เป็นจุดประสงค์ในการสำรวจพื้นที่การค้า ในตัวบ่งชี้เหล่านั้นระยะห่างรัศมีจากที่ตั้งของธุรกิจ เรียกว่า “พื้นที่การค้าระยะทาง” ซึ่งมีความหมายสำคัญในการวิเคราะห์พื้นที่การค้า มาทำความเข้าใจการแบ่งประเภทหลักของพื้นที่การค้าระยะทาง
พื้นที่การค้าชั้นแรก-พื้นที่การค้าชั้นที่สาม
พื้นที่การค้าระยะทางจำแนกเป็นชั้นแรก, ชั้นที่สอง และชั้นที่สามตามลำดับความใกล้จากร้านค้า
พื้นที่การค้าชั้นแรก
พื้นที่การค้าชั้นแรกคือ พื้นที่ที่มีรัศมีประมาณ 1 กิโลเมตรจากร้านค้า ประมาณ 10 – 15 นาทีในการเดินเท้าความถี่ในการมาที่ร้านคือเกือบจะทุกวัน ดังนั้นเมื่อเปิดหรือย้ายซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายอาหารซึ่งจำเป็นในชีวิตประจำวัน ควรให้ความสำคัญกับพื้นที่การค้าชั้นแรกเป็นหลัก
พื้นที่การค้าชั้นที่สอง
พื้นที่การค้าชั้นที่สองมีรัศมีประมาณ 3 กิโลเมตรจากร้านค้า ใช้เวลา 10 – 15 นาทีด้วยจักรยานและความถี่ในการไปที่ร้านคือ 1 – 2 ครั้งต่อสัปดาห์ ดรักสโตร์ซึ่งเน้นขายสินค้าจำเป็น เช่น ของใช้ในชีวิตประจำวัน มักจะจัดเป็นพื้นที่การค้าชั้นที่สอง
พื้นที่การค้าชั้นที่สาม
พื้นที่การค้าชั้นที่สามสามารถเข้าถึงได้ใน 30 – 40 นาทีเมื่อใช้ขนส่งสาธารณะหรือรถยนต์ความถี่ในการไปที่ร้านคือหนึ่งครั้งใน 1 – 3 เดือน ซึ่งจัดเป็นพื้นที่การค้าสำหรับร้านที่มีความถี่ของการซื้อหรือซื้อทดแทนไม่สูง เช่น ร้านเสื้อผ้าและร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่
พื้นที่การค้าชั้นแรกรวม “พื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่าย” ด้วย
“พื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่าย” เป็นขอบเขตที่ลูกค้าสามารถไปที่ร้านในระยะเวลาสั้นๆ โดยไม่คำนึงถึงฤดูกาลและสภาพอากาศ เปรียบเทียบกับลูกค้าในพื้นที่การค้าชั้นแรกถึงชั้นที่สาม ลูกค้าในพื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่ายมีเปอร์เซ็นในการไปที่ร้านสูง ดังนั้นคุณสามารถคาดหวังผลตอบแทนที่คุ้มกับต้นทุนได้สูงจากการส่งเสริมการขายและการตลาด พื้นที่การค้าชั้นแรกอยู่ในระยะที่เข้าถึงได้ง่ายจากร้านค้า แต่แตกต่างจากพื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่ายตรงที่ขอบเขต ขณะที่พื้นที่การค้าชั้นแรกคือ 10 – 15 นาทีโดยการเดินเท้าจากร้านค้า พื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่ายเป็นขอบเขตค่อนข้างใกล้ ประมาณ 5 นาทีจากร้านค้า
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับประเภทธุรกิจและลักษณะของธุรกิจ มีกรณีที่จัดให้พื้นที่การค้าชั้นแรกกับพื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่ายเป็นประเภทเดียวกัน ดังนั้นจึงจำเป็นต้องระมัดระวังมีความเป็นไปได้ที่จะเกิดความเข้าใจผิดขึ้นอยู่กับว่าแยกหรือรวมพื้นที่การค้าในระยะที่เข้าถึงง่ายกับพื้นที่การค้าชั้นแรก ดังนั้นเมื่อทำการตลาดเชิงพื้นที่ มาแชร์คำจำกัดความของคำศัพท์กัน
วิธีกำหนดพื้นที่การค้า
เมื่อกำหนดพื้นที่การค้า พิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น พื้นที่เป้าหมายและประเภทธุรกิจ
เริ่มจากกำหนดระยะทางของพื้นที่การค้าโดยมีศูนย์กลางอยู่ที่พื้นที่ซึ่งวางแผนเปิดร้าน และวาดวงกลมซึ่งมีรัศมี…กิโลเมตรบนแผนที่ ขั้นต่อไปเปลี่ยนรูปร่างของพื้นที่การค้าโดยตรวจสอบอุปสรรคที่ขัดขวางการมาที่ร้านและที่ตั้งของร้านค้าคู่แข่ง
นอกจากนี้ ระยะทางโดยประมาณของพื้นที่การค้าชั้นแรกและชั้นที่สองไม่จำเป็นต้องเหมือนกันในทุกอุตสาหกรรม
ตัวอย่างเช่น ร้านอาหารสำหรับครอบครัว สมมติว่าวิธีการเดินทางหลักคือรถยนต์ โดยมีรัศมี 2 – 3 กิโลเมตร และในกรณีของร้านสะดวกซื้อคือ 300 – 500 เมตร หากเดินไปที่ร้าน ซึ่งระยะทางของพื้นที่การค้าที่เป็นบรรทัดฐานแตกต่างกันไปตามประเภทธุรกิจและสภาพแวดล้อมโดยรอบ กำหนดพื้นที่การค้าเป้าหมายโดยอ้างอิงจากพื้นที่การค้าแต่ละประเภทของร้าน
คุณสามารถเข้าใจลักษณะเฉพาะของพื้นที่เป้าหมายโดยการสำรวจพื้นที่การค้า
เมื่อกำหนดพื้นที่การค้าแล้ว ทำการสำรวจเพื่อหาลักษณะเฉพาะของพื้นที่ การสำรวจพื้นที่การค้าจะทำให้ทราบพื้นที่ที่กว้างที่สุดซึ่งสามารถดึงดูดลูกค้าจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประเภทธุรกิจของบริษัทคุณ, ขอบเขตพฤติกรรมเป้าหมาย และทำเลที่ตั้งหากมีลักษณะเฉพาะพื้นที่ที่ชัดเจนจะสามารถรวบรวมมาตรการที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อปล่อยโฆษณาและแคมแปญส่งเสริมการขาย
เราตรวจสอบอะไรในการสำรวจพื้นที่การค้า
ในการสำรวจพื้นที่การค้า เราตรวจสอบหลายรายการ แต่ขณะนี้เราจะแนะนำรายการสำรวจที่สำคัญที่สุด
ในการตรวจสอบจำเป็นต้องวิเคราะห์ข้อมูลสำมะโนประชากรและข้อมูลหน่วยงานท้องถิ่นซึ่งเผยแพร่โดยรัฐบาลเนื่องจากใช้ข้อมูลจำนวนมาก เราจึงแนะนำให้ใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์และการตลาด
จำนวนครัวเรือนและประชากร
การใช้การสำรวจทางสถิติ เช่น การเข้าและออกของประชากร, การเกิด, การแต่งงาน ทำให้เห็นว่ากลุ่มคนแบบใดอาศัยอยู่ในพื้นที่บริเวณรอบๆ ร้านโดยดูจากประชากรแฝงกลางวันและกลางคืน และสัดส่วนแบ่งตามอายุ ทำให้ตรวจสอบได้ว่าการให้บริการของร้านคุณตรงตามความต้องการของลูกค้าหรือไม่ เนื่องจากสามารถคาดคะเนจำนวนประชากรไม่เฉพาะในปัจจุบัน แต่รวมถึงในอนาคตด้วย จึงนำมาใช้กับการพัฒนาร้านค้าและการตลาดในอนาคตได้ด้วย
ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า
คุณสามารถทำความเข้าใจไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่อยู่ในพื้นที่การค้าได้จากการสำรวจรเป็นต้น
สินค้าและบริการของร้านคู่แข่ง
การวิเคราะห์สินค้าและบริการ, ขนาด, ทำเลที่ตั้งของร้านค้าคู่แข่งจะทำให้เข้าใจเกณฑ์ของลูกค้าในพื้นที่การค้าสำหรับการเลือกร้านค้าได้ นอกจากนี้ยังเป็นการอ้างอิงเมื่อพิจารณามาตรการตอบโต้กับร้านคู่แข่ง เช่น สินค้า, ราคา และบริการ
ภูมิศาสตร์และการเข้าถึง
แม้ว่าโดยพื้นฐานแล้วพื้นที่การค้าจะถูกวาดเป็นวงกลม แต่ผู้คนไม่ได้เคลื่อนที่ตามขอบเขตวงกลม ตัวอย่างเช่น สภาพถนน, แม่น้ำ, ภูเขา หรือการมีหรือไม่มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ส่งผลกระทบได้อย่างมากต่อการเข้าถึง ปัจจัยที่กีดขวางการมาที่ร้านเหล่านี้เรียกว่า “อุปสรรคทางพื้นที่การค้า” ซึ่งยากที่จะทำความเข้าใจด้วยแผนที่ ดังนั้นเราแนะนำให้คุณลงที่พื้นที่จริงและตรวจสอบจากมุมมองของลูกค้า
สรุป : ทำความเข้าใจพื้นที่การค้าอย่างลึกซึ้งและนำไปใช้กับธุรกิจของคุณ
เมื่อพัฒนาธุรกิจร้านค้า เช่น เปิดร้านใหม่ การกำหนดและสำรวจพื้นที่การค้าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อความสำเร็จของร้านค้า แม้จะเปิดร้านไปแล้ว ก็มีโอกาสที่สถานการณ์ในพื้นที่การค้าจะเปลี่ยนแปลง เช่น การเข้ามาของคู่แข่ง ดังนั้นการสำรวจทั่วไปจึงจำเป็น เพื่อจะรักษาการบริหารที่มั่นคง มาเรียนรู้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับพื้นที่การค้าและสำรวจพื้นที่การค้าอย่างถูกต้อง