ระยะทางและประชากรมีความสำคัญสำหรับพื้นที่เชิงพาณิชย์ของร้านสะดวกซื้อ! จำนวนการสัญจรขอ งผู้คนในพื้นที่เชิงพาณิชย์ จึงเป็นปัจจัยที่สำคัญเช่นกัน

Area Marketing
This article can be read in about 12 minutes.

ร้านสะดวกซื้อมีหลากหลายแบรนด์ ซึ่งเราสามารถพบเจอได้เสมอเมื่อเดินออกจากบ้าน และกลายเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คน “ร้านสะดวกซื้อ” มีการขยายเป็นแฟรนไชส์และเพิ่มจำนวนสาขาขึ้นมากมาย

เนื่องจากจำนวนร้านสะดวกซื้อมีการเปิดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ปัญหาที่เกิดขึ้นสำหรับการพัฒนาร้าน คือ ขอบเขตของพื้นที่การค้าของร้านสะดวกซื้อ

ในบทความนี้ เราจะอธิบายเกณฑ์ในการกำหนดพื้นที่การค้าที่ครอบคลุมของร้านสะดวกซื้อรวมถึงจุดตรวจที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์พื้นที่การค้าและกลยุทธ์เรื่องพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อ
ที่ถูกเปลี่ยนแปลงโดยไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่

  1. ขอบเขตพื้นที่ของธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับร้านสะดวกซื้อคืออะไร?
    1. พื้นที่ธุรกิจจะมีลักษณะแคบและติดกันในใจกลางเมืองและจะมีขนาดกว้างขึ้นในเขตชานเมือง
  2. “การสัญจรของผู้คนในพื้นที่” มีความสำคัญเช่นกัน
  3. ข้อควรตรวจสอบเมื่อวิเคราะห์พื้นที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ
    1. เรื่องที่ 1: โครงสร้างครอบครัวของพื้นที่นั้น
    2. เรื่องที่ 2:ความจำเป็นในการดำเนินงานช่วงกลางคืน
  4. ร้านสะดวกซื้อควรบริหารจัดการอย่างไร ในยุคที่มีไวรัสโคโรนา?
    1. ความครอบคลุมของพื้นที่ทางธุรกิจถูกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการทำงานที่บ้าน WFH
  5. สรุป: การทราบลักษณะของพื้นที่ทำให้การวิเคราะห์พื้นที่ทางธุรกิจของร้านสะดวกซื้อประสบความสำเร็จ

ขอบเขตพื้นที่ของธุรกิจที่เหมาะสมสำหรับร้านสะดวกซื้อคืออะไร?


พื้นที่การค้าของร้านสะดวกซื้อ ส่วนใหญ่ะอยู่ในรัศมี 500 เมตร ซึ่งลูกค้าสามารถเดินทางไปเลือกซื้อสินค้าในร้านได้ภายใน 10 นาที ด้วยการเดิน

ลูกค้าคาดหวัง “ความสะดวกสบาย”จากร้านสะดวกซื้อ จุดขายประการหนึ่งของร้านสะดวกซื้อ คือ ความสะดวกสบายในการออกไปซื้อสินค้า โดยไม่ต้องเดินทางไกล ช่วงเวลาไหนก็ตามที่คุณรู้สึกว่า “ฉันอยากได้สิ่งนี้” หรือ “ฉันอยากกินอาหารที่ต้องการได้” ในขณะทำงานที่บ้านหรือที่ทำงาน

นั่นคือเหตุผลว่าทำไมย่านธุรกิจลำดับแรกนั้น ควรอยู่ในรัศมี 500 เมตร ซึ่งลูกค้าสามารถเดินทางไปที่ร้านค้าเพื่อเลือกซื้อสินค้าได้ภายใน 10 นาที ด้วยการเดิน จำนวนประชากรภายในเขตพื้นที่ธุรกิจที่กำหนดมีความสำคัญต่อธุรกิจร้านสะดวกซื้อเช่นกัน เป็นที่เชื่อกันโดยทั่วไปว่าร้านสะดวกซื้อ
จะต้องมีประชากรอย่างน้อย 3,000 คนภายในพื้นที่การค้าของตนจึงจะสามารถดำเนินธุรกิจได้ เนื่องจากต้นทุนต่อหัวที่ต่ำและมีความจำเป็นในการรักษาจำนวนของฐานลูกค้าหรือผู้ใช้ไว้

พื้นที่ธุรกิจจะมีลักษณะแคบและติดกันในใจกลางเมืองและจะมีขนาดกว้างขึ้นในเขตชานเมือง

ย่านธุรกิจของร้านสะดวกซื้อขยายแคบขึ้นเมื่อเข้าใกล้ใจกลางเมือง และจะกว้างขึ้นหากอยู่บริเวณชานเมือง

ในส่วนของใจกลางเมืองในขณะที่มีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาจำนวนมาก แต่ก็มีคู่แข่งมากมาย และจำนวนร้านสะดวกซื้อที่เปิดใหม่กำลังเต็มพื้นที่
ในเขตเมืองให้พิจารณาไปที่ย่านธุรกิจใกล้เคียงซึ่งใช้เวลาเดินเพียง 5 นาทีและคำนึงถึงกลยุทธ์หลักของร้านค้าให้มีจุดเด่นที่แตกต่างในเรื่องของระยะทางการเดินทางที่สะดวกสบาย

ในเขตชานเมืองจะมีร้านค้าหลากหลาย เช่น ร้านสะดวกซื้อที่มีที่จอดรถสำหรับลูกค้าที่เดินทางมาด้วยรถยนต์ และร้านสะดวกซื้อริมถนนสายหลักที่เน้นการเดินทางระยะไกล
ส่งผลให้ย่านธุรกิจมีความแตกต่างอย่างสิ้นเชิงสำหรับร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ในชานเมืองและร้านสะดวกซื้อที่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลัก เนื่องจากพื้นที่ชานเมืองมีวิธีการขายที่หลากหลายกว่าพื้นที่ในเมือง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่
จะต้องวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของคุณกำหนดเป้าหมาย เพื่อให้สามารถกำหนดช่วงพื้นที่การค้าที่เหมาะสมสำหรับร้านค้าของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพ

“การสัญจรของผู้คนในพื้นที่” มีความสำคัญเช่นกัน


ประชากรในพื้นที่เป็นสิ่งสำคัญ และควรวิคราะห์ “การสัญจรของผู้คน” ในย่านที่อยู่อาศัยหรือย่านธุรกิจเพื่อเปิดร้านสะดวกซื้อด้วย

ตัวอย่างเช่น ย่านธุรกิจเป็นพื้นที่ที่มีประชากรมีที่อยู่อาศัยอยู่ในท้องถิ่นขนาดเล็ก มักจะมีจำนวนประชากรหนาแน่นในช่วงกลางวันของวันธรรมดา และจำนวนประชากรลดลงในช่วงกลางคืนและสุดสัปดาห์ ในทางกลับกัน พื้นที่พักอาศัยที่มีประชากรอาศัยอยู่รวมกันจำนวนมาก การสัญจรของผู้คนในพื้นที่นี้มีแนวโน้มที่จะกระจุกตัวอยู่ในชั่วโมงการเดินทางขาออกและขากลับจากการทำงานในวันธรรมดาและมีจำนวนประชากรกระจุกตัวเพิ่มขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์เนื่องจากเป็นวันหยุด

เมื่อพิจารณาถึงการสัญจรที่แท้จริงของผู้คนในพื้นที่ธุรกิจ จะช่วยให้กำหนดแผนธุรกิจที่เฉพาะเจาะจงได้ง่ายขึ้น เช่น การปรับปริมาณการสั่งซื้อ การเลือกผลิตภัณฑ์ เวลาเปิดปิดทำการ และสามารถดำเนินงานด้านการการตลาดในพื้นที่ได้แม่นยำยิ่งขึ้น

ข้อควรตรวจสอบเมื่อวิเคราะห์พื้นที่ธุรกิจร้านสะดวกซื้อ

คุณควรตรวจสอบเรื่องใดบ้างเมื่อทำการวิเคราะห์พื้นที่การค้าร้านสะดวกซื้อจริงๆ?

เรื่องที่ 1: โครงสร้างครอบครัวของพื้นที่นั้น

สิ่งแรกที่คุณควรตรวจสอบ คือ โครงสร้างครอบครัวของพื้นที่นั้น
การผสมผสานผลิตภัณฑ์ในร้านค้าจะเปลี่ยนไปขึ้นอยู่กับว่าพื้นที่นั้น เป็นที่อยู่อาศัยที่มีสมาชิกในครอบครัวหลายคนหรือเป็นครัวเรือนที่อาศัยอยู่คนเดียว ในขณะเดียวกันให้ตรวจสอบผู้คนที่สัญจรไปมาในช่วงเวลาของวันด้วย

เช่น หากมีคู่แต่งงานจำนวนมากอาศัยอยู่ในพื้นที่และมีผู้คนคึกคักในช่วงวันธรรมดาการเดินทางไปกลับจากที่ทำงาน คาดการณ์ได้ว่า อาหารที่เหมาะกับช่วงเวลาเร่งด่วนและเครื่องดื่มที่ทดแทนมื้อเช้าได้จะเป็นสินค้าขายหลักในตอนเช้าและเตรียมอาหารไปขายช่วงตอนเย็นจะขายได้มากที่สุดในพื้นที่นี้

การชี้แจงว่าผู้คนประเภทใดอาศัยอยู่ที่นั่นและสิ่งที่พวกเขาต้องการจะช่วยป้องกันต้นทุนและลดขายสินค้าที่ไม่จำเป็น ช่วยให้การวางแผนบริหารจัดการมีประสิทธิภาพ

เรื่องที่ 2:ความจำเป็นในการดำเนินงานช่วงกลางคืน

ความจำเป็นในการปฏิบัติงานช่วงกลางคืนเป็นปัจจัยที่ต้องวิเคราะห์
ร้านสะดวกซื้อ = การบริการตลอด 24 ชั่วโมงเป็นแนวคิดที่แพร่หลายมานานแล้ว แต่ปัจจุบันมีร้านสะดวกซื้อที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เลิกให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ในพื้นที่ที่มีลูกค้าสัญจรในช่วงดึกน้อยมาก อาจมีกรณีที่ต้นทุนการดำเนินงานที่สูงกว่ายอดขาย ในการวิเคราะห์ขอบเขตธุรกิจ เราจะวิเคราะห์การสัญจรของผู้คนและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของพวกเขาต่อชั่วโมง และคำนวณกำไรที่ได้จากการขายช่วงกลางคืน

ร้านสะดวกซื้อควรบริหารจัดการอย่างไร ในยุคที่มีไวรัสโคโรนา?


ผลกระทบจากไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งแพร่กระจายไปทั่วโลกตั้งแต่ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2563 ยังคงดำเนินต่อไป แต่ละประเทศจำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ของไวรัสโคโรนาเพื่อการดำเนินชีวิตต่อไป ในธุรกิจร้านสะดวกซื้อ สถานการณ์นี้มีความแตกต่างทางทฤษฎีเชิงพื้นที่ คือ ร้านค้าใกล้สำนักงานซึ่งมีศักยภาพในการขายสูง กำลังเผชิญกับสภาวะทางยอดขายที่ย่ำแย่ ในขณะที่ร้านสะดวกซื้อในย่านที่พักอาศัยมียอดขายเพิ่มขึ้น

ความครอบคลุมของพื้นที่ทางธุรกิจถูกเปลี่ยนแปลงไปเพราะการทำงานที่บ้าน WFH

ปัจจัยหนึ่งที่เปลี่ยนสถานการณ์ทางธุรกิจของร้านสะดวกซื้อ คือ การส่งเสริมการทำงานจากที่บ้านเพื่อเป็นมาตรการป้องกันไวรัสโคโรนาสำหรับคนจำนวนมากที่เคยเดินทางไปทำงาน รูปแบบการทำงานแบบใหม่ได้เปลี่ยนแผลงไปแล้ว: “ไม่เดินทางไปทำงาน” หรือ “ลดจำนวนวันในการเดินทางเข้าไปทำงานที่สำนักงานวิธีการทำงานเหล่านี้จะเป็นความท้าทายสำหรับการบริหารจัดการของร้านสะดวกซื้อ เนื่องจากความต้องการร้านสะดวกซื้อในพื้นที่สำนักงานลดลงส่งผลให้ยอดขายลดลง

ในทางกลับกัน ในบางกรณี ความน่าจะเป็นในการใช้ซูเปอร์มาร์เก็ตและร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านเพิ่มขึ้น เนื่องจากคนที่เคยทำงานที่ออฟฟิศหรือสำนักงานใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น สถานการณ์นี้จะเร่งการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นอีกเมื่อ “รูปแบบการใช้ชีวิตแบบใหม่” สาเหตุจากโคโรน่า และรูปแบบในอุดมคติที่ร้านสะดวกซื้อควรมุ่งมั่นจะเปลี่ยนแปลงเพื่อให้มีความยืดหยุ่นสะดวกสบายจากสถานการณ์ปัจจุบัน คาดการณ์ว่าการพัฒนาธุรกิจร้านสะดวกซื้อในอนาคตจะต้องอาศัยกลยุทธ์ด้านการวิเคราะห์เลือกทำเลหรือสถานที่และการพัฒนาผลิตภัณฑ์โดยเน้นไปที่ย่านธุรกิจในพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ใช่แค่ผู้สัญจร วิเคราะห์พื้นที่พื้นที่ธุรกิจระยะใกล้สุดเป็นพิเศษและพิจารณามาตรการที่จำเป็นเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า “ที่ใช้เวลาอยู่ที่บ้านมากขึ้น” และ “อยู่บ้านได้อย่างสะดวกสบายเนื่องจากสามารถเดินทางไปร้านสะดวกซื้อได้ง่ายเมื่อต้องการซื้อสินค้าที่ต้องการ

สรุป: การทราบลักษณะของพื้นที่ทำให้การวิเคราะห์พื้นที่ทางธุรกิจของร้านสะดวกซื้อประสบความสำเร็จ


สิ่งสำคัญในการเปิดร้านสะดวกซื้อ คือ การรู้ลักษณะเฉพาะของพื้นที่ที่คุณเปิดร้านและคิดวิเคราะห์เกี่ยวกับสิ่งที่จำเป็น

กลุ่มประชากรของผู้ที่ใช้ร้านสะดวกซื้อนั้นกว้างมากและแต่ละกลุ่มก็มีวัตถุประสงค์ในการเข้าร้านที่แตกต่างกัน แม่บ้านที่กำลังมองหาอาหารสำเร็จรูปสำหรับมื้อเย็นและนักธุรกิจที่ต้องการซื้ออาหารกลางวันและซื้อสินค้าต่างๆ ที่ร้านสะดวกซื้อ เวลาที่พวกเขาใช้บริการก็จะแตกต่างเช่นกัน

วิเคราะห์พื้นที่รอบๆ ร้านค้าของคุณ กำหนดลักษณะของผู้คนที่อาศัยและผู้สัญจร ณ พื้นที่นั้นๆ อย่างรอบคอบ และสร้าง “ร้านสะดวกซื้อตามความต้องการของกลุ่มคนในชุมชนนั้น ”

Copied title and URL