(การจัดวางแสดงสินค้า) มีความสำคัญอย่างไร? การกระจายสินค้าและการจัดจำหน่ายสินค้าในอุตสาหกรรมการค้าปลีกคืออะไร? 5 ความสำคัญ ของประเภทการจัดวางสินค้า

การวิเคราะห์ที่ตั้งร้านค้า
This article can be read in about 12 minutes.

การจัดวางหรือแสดงสินค้า (Merchandising หรือ MD) เป็นคำที่เราพบบ่อยในการค้าปลีกและการกระจายสินค้า แต่ก็อาจมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถอธิบายความหมายได้อย่างแม่นยำ เราจะอธิบายความหมายนี้ให้เข้าใจมากขึ้น แนวคิดและประเภทของการขายสินค้าในอุตสาหกรรมการค้าปลีกและการจัดวางสินค้า จะมีความแตกต่างจากการตลาด

  1. การจัดวางสินค้าเพื่อขายสินค้าในร้านค้าปลีกและการกระจายสินค้าคืออะไร?
    1. ความแตกต่างระหว่าง การตลาด (marketing) และการจัดแสดงสินค้า (merchandising)
      1. ด้านการตลาด
      2. การจัดแสดงการจำหน่ายสินค้า
  2. ประเภทการจัดจำหน่ายแสดงสินค้า
    1. การจัดแสดงสินค้าให้มีความโดดเด่น
    2. การขายสินค้าตามสภาพอากาศ
    3. การจัดแสดงสินค้าแบบผสมผสาน
    4. การวางขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกันในพื้นที่เดียวกัน
    5. การจัดวางจำหน่ายสินค้าที่เชื่อมโยงกับ Lifestyle
  3. “5 แนวคิดที่ดี” ในการจัดวางสินค้า
    1. สินค้าที่ถูก (สินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า)
    2. ถูกที่ (พื้นที่ตั้งร้าน ที่เหมาะสม)
    3. ถูกเวลา
    4. ถูกปริมาณ (ปริมาณที่เหมาะสม)
    5. ราคาที่ถูก (ราคาที่เหมาะสม)
  4. สรุป: ทำให้ร้านค้าของคุณน่าสนใจมากขึ้นด้วยการจัดวางสินค้าให้โดดเด่นและจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมตามสถานที่และฤดูกาล

การจัดวางสินค้าเพื่อขายสินค้าในร้านค้าปลีกและการกระจายสินค้าคืออะไร?

การจัดวางแสดงสินค้า เป็นหนึ่งในเรื่องที่คัญของบริษัทที่ต้อง “วางแผนและดำเนินการเพื่อบรรลุเป้าหมายการขาย ทุกอย่างตั้งแต่การซื้อสินค้าไปจนถึงการกำหนดราคา วิธีการขาย วิธีการแสดงสินค้าในร้าน และวิธีการส่งเสริมการขาย”ซึ่งช่วยในอุตสาหกรรมประเภทค้าปลีกและการจัดจำหน่ายและกระจายสินค้า

ในกระบวนการขายสินค้า เราเลือกผลิตภัณฑ์ขายหลังจากศึกษาความต้องการของผู้บริโภคแล้วที่แน่ชัด และซื้อสินค้ามาสำรองในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อป้องกันการขาดแคลนเมื่อมีความต้องการสูง และวางแผนสำหรับสินค้าคงคลังส่วนเกินที่ไม่จำเป็น นอกจากนี้ ต้องจัดแสดงสินค้าภายในร้านที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น โฆษณาส่งเสริมการขาย และการตั้งราคาที่ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อได้ง่าย ผู้ที่จัดแสดงสินค้าในอุตสาหกรรมเครื่องแต่งกายและห้างสรรพสินค้า เรียกว่า “ผู้จัดจำหน่ายสินค้า”

ความแตกต่างระหว่าง การตลาด (marketing) และการจัดแสดงสินค้า (merchandising)

การตลาดและการจัดวางแสดงสินค้าเป็นงานขององค์กรที่มีอะไรคล้ายคลึงกันและมักจะสับสนอยู่บ่อยครั้งทั้งคู่เป็นแนวคิดที่ต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าทั้งสองอย่างนี้ต่างกันอย่างไร

ด้านการตลาด

การตลาดเป็นแนวคิดพื้นฐานสำหรับการวางแผนทางธุรกิจ ในอุตสาหกรรมหรือหมวดหมู่ธุรกิจใดๆ เป็นกระบวนการที่ผู้ผลิตและผู้ขาย สร้างแผนกลยุทธ์สำหรับกระบวนการตลาดทั้งหมด รวมถึงการวิจัยตลาด การผลิต การขาย และการโฆษณา เพื่อ “สร้างกลไกในการขาย” สินค้าและบริการมากขึ้นในด้านการตลาด คุณควรศึกษาตลาดและข้อมูลของลูกค้าโดยละเอียด และสร้างกลยุทธ์ตามข้อมูลที่คุณได้ทำการศึกษานั้น

การจัดแสดงการจำหน่ายสินค้า

การขายสินค้าเป็นวิธีการที่ต้องอาศัยแนวคิดที่ต้องมีความเชี่ยวชาญทางการตลาดสำหรับการจัดจำหน่ายแสดงสินค้าและการค้าปลีก.คือ “”การพัฒนาการองค์ความรู้ด้านการค้าของร้าน” ตั้งแต่การวิจัยตลาดไปจนถึงการขายและการโฆษณา โดยมองจากมุมมองของผู้บริโภคการจัดแสดงสินค้าสำหรับร้านค้าขนาดเล็กเรียกว่า “กาจัดจำหน่ายแสดงสินค้าภายในร้าน”

ประเภทการจัดจำหน่ายแสดงสินค้า

ในส่วนนี้จะอธิบายเกี่ยวกับ 5 ประเภทของการจัดจำหน่ายแสดงสินค้า เพื่อทำความเข้าใจแต่ละข้อมีความสำคัญและวิธีการที่แตกต่างกัน

การจัดแสดงสินค้าให้มีความโดดเด่น

การจัดแสดงสินค้าด้วยภาพลักษณ์ของสินค้าที่ชัดเจน (Visual merchandising) เป็นวิธีหนึ่งที่ใช้เพื่อทำให้สินค้าและบริการน่าดึงดูดและน่าสนใจ โดยการคิดวิธีการจัดวางหรือแสดงสินค้าและทำให้สินค้าดูน่าสนใจมากขึ้นด้วยการเสริมสร้างภาพลักษณ์การขายสินค้า คุณต้องหาพื้นที่สำหรับขายสินค้าที่เข้าถึงร้านค้าง่าย สามารถมองเห็นสินค้าได้อย่างชัดเจนและลูกค้าสามารถเลือกซื้อหรือหยิบจับสินค้าได้อย่างสะดวก

การขายสินค้าตามสภาพอากาศ

การตลาด ที่ใช้พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศ, และเงื่อนไขสภาพอากาศอื่น ๆ เพื่อสร้างเพื่อสร้างพื้นที่ในการขายที่ดีการคาดการณ์จำนวนลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศ และกำหนดเวลาการขายสินค้าและรายละเอียดการบริการเพื่อเพิ่มยอดขาย

การจัดแสดงสินค้าแบบผสมผสาน

การจัดแสดงสินค้าแบบผสมผสาน (Scrambled merchandising)เป็นวิธีการขายสินค้าและบริการต่าง ๆ ในร้านเดียวกันซึ่งรวมถึงร้านขายยาที่ขายของใช้ในชีวิตประจำวันและผลิตภัณฑ์อาหาร และซูเปอร์มาร์เก็ตที่ขายหนังสือและดอกไม้สดด้วย แม้ว่าการขายสินค้าแบบผสมผสานจะมีข้อได้เปรียบในการทำให้ผู้บริโภคสามารถซื้อผลิตภัณฑ์ได้สะดวก โดยไม่ต้องไปหาซื้อสินค้าที่ร้านค้าอื่น แต่ก็มีข้อเสียสำหรับร้านค้าด้วย เช่น ต้นทุนการจัดการผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และความแข็งแกร่งของแบรนด์ของร้านที่อาจจะลดลง

การวางขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกันในพื้นที่เดียวกัน

การวางขายสินค้าที่มีความเกี่ยวข้องกันในพื้นที่เดียวกัน เป็นวิธีการที่ขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกันจัดวางข้างๆ กัน แม้ว่าประเภทของสินค้าจะแตกต่างกัน

ตัวอย่างเช่น การสร้างความน่าสนใจในการแสดงสินค้าเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคและกระตุ้นความต้องการในการซื้อสินค้า เช่น การจัดเรียงของว่างรอบพื้นที่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

การจัดวางจำหน่ายสินค้าที่เชื่อมโยงกับ Lifestyle

Lifestyle merchandising คือการตลาดรูปแบบที่เน้นไปที่พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเช่น ข้อเสนอผลิตภัณฑ์ความงามแบบครบวงจร เช่น ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว สินค้าเกี่ยวกับความงาม อาหารเสริม เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้หญิงที่ใส่ใจเรื่อง “ความงาม” โดยการขายผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งประยุกต์ใช้ให้เหมาะกับผู้บริโภคแต่ละรายทำให้เพิ่มจำนวนการซื้อสินค้าของลูกค้ามากขึ้น

“5 แนวคิดที่ดี” ในการจัดวางสินค้า

5 แนวคิดที่ดี และสำคัญในการขายสินค้า

สินค้าที่ถูก (สินค้าที่เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า)

สินค้าที่เหมาะสม หมายถึงประเภทของสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้าของคุณและการจัดเรียงสินค้าเหล่านั้นให้เหมาะสมเรียกอีกนัยว่า นโยบายการซื้อขายสินค้า โดยใช้กลยุทธ์ 3 ประการ:

  • กลยุทธ์การทำให้เเป็นสิ่งเดียวกัน (Homogenization Strategy) คือ การทำการตลาดที่สอดคล้องกับคู่แข่ง
  • “กลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง” (Differentiation Strategy) คือ การทำการตลาดสินค้าหรือผลิตภัณฑ์ให้แตกต่างจากคู่แข่ง
  • กลยุทธ์ความเป็นเอกลักษณ์ (Uniqueness Strategy) คือการทำการตลาด ให้ผลิตภัณฑ์เป็นที่รู้จักและสามารถซื้อได้จากบริษัทเราเท่านั้น ซึ่งเป็นกระบวนการที่สำคัญที่กำหนดยอดขายได้ และผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับร้านค้าปลีกรายใหญ่มีหน้าที่รับผิดชอบในงานนี้

ถูกที่ (พื้นที่ตั้งร้าน ที่เหมาะสม)

พื้นที่ที่เหมาะสม คือการสร้างพื้นที่ขายสินค้าที่ง่ายต่อการซื้อของผู้บริโภคและกระตุ้นทำให้ความต้องการซื้อสินค้าเพิ่มขึ้นโดยการคิดวิธีการจัดแสดงสินค้าพิจารณาถึงความต้องการของผู้บริโภคและการจัดวางสินค้าควรอยู่ในที่พื้นที่ที่เข้าถึงง่ายหรือดึงดูดความสนใจซึ่งจะส่งผลทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้น

ถูกเวลา

ช่วงเวลาที่เหมาะสม คือการขายสินค้าในช่วงเวลาที่ความต้องการของผู้บริโภคสูงป็นส่วนหนึ่งของ “แผนการตลาด” เนื่องจากสามารถกำหนดชนิดของสินค้าและโครงการที่ดูแลได้ สามารถวางแผนพิจารณาสินค้าตัวไหนเหมาะสมกับฤดูกาลและเทศกาลต่างๆที่จะเกิดขึ้นแต่ละผลิตภัณฑ์มีระยะเวลาการขายที่เหมาะสมกับฤดูกาล เช่น ถุงมือไหมพรมในฤดูหนาว รองเท้าแตะในฤดูร้อน

ถูกปริมาณ (ปริมาณที่เหมาะสม)

ปริมาณที่เหมาะสม คือ “การควบคุมสต็อกสินค้า” ซึ่งหมายถึงการจัดการและวิเคราะห์สต็อกสินค้าเพื่อให้มีความสมดุลระหว่างการซื้อและการขายหากสต็อกน้อยและสินค้าที่ลูกค้าต้องการหมดไม่เพียงพอในการจำหน่าย จะทำให้สูญเสียโอกาสในการขาย แต่ภาพลักษณ์ของร้านที่เเสดงให้เห็นว่า “มีสต็อกสินค้าน้อย” จากมุมมองลูกค้า ส่งผลทำให้การตลาดแข็งแกร่งขึ้น ในทางกลับกัน การเก็บสต็อกสินค้าไว้มากเกินไปอาจทำให้มีรายได้สุทธิและของกำไรที่ต่ำลง ดังนั้น สต็อกสินค้า ต้องมีการวางแผนและตรวจสอบอย่างรอบคอบ

ราคาที่ถูก (ราคาที่เหมาะสม)

ราคาที่เหมาะสม หมายถึงการกำหนดราคาสินค้าในทางที่เหมาะสมตามการวิเคราะห์ทางการตลาดการลดราคาจะทำให้อัตราการซื้อเพิ่มขึ้น แต่อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลง ทำให้ไม่มีกำไรทางธุรกิจ ให้กำหนดราคาตามตลาดที่สามารถแข่งขันได้ใกล้เคียงกัน เเต่ยังคงสามารถทำกำไรได้ ราคาเป็นปัจจัยหลักที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ การกำหนดและการตั้งราคาที่สามารถตอบสนองทั้ง “ผลกำไรของบริษัท” และ “ความพึงพอใจของลูกค้า” ถือเป็นสิ่งที่ท้าทายต้องศึกษาและทำการวิเคราะห์บ่อยๆ เพื่อให้ได้ซึ่งราคาที่เหมาะสม

สรุป: ทำให้ร้านค้าของคุณน่าสนใจมากขึ้นด้วยการจัดวางสินค้าให้โดดเด่นและจำหน่ายสินค้าที่เหมาะสมตามสถานที่และฤดูกาล

การจัดวางจำหน่ายสินค้า เป็นแผนเชิงกลยุทธ์ที่เน้นแนวคิดทางการตลาดสำหรับการขายด้านอุตสาหกรรมการค้าปลีกโดยเฉพาะเมื่อคุณไปห้างสรรพสินค้าและซูเปอร์มาร์เก็ต คุณอาจต้องการสังเกตุว่า มีการใช้แนวทางปฏิบัติด้านการขายสินค้าแบบใด ทำความเข้าใจโครงสร้างพื้นฐาน, ประเภทสินค้า และ 5 วิธี ที่เหมาะสมที่ช่วยในการขายสินค้า และใช้เพื่อทำให้ร้านค้าของคุณน่าดึงดูด

Copied title and URL