บทความนี้จะอธิบายองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการของการทำการตลาดทางออนไลน์และความจำเป็นในการทำการตลาดออฟไลน์สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มยอดขายโดยทำการตลาดผ่านทางเว็บไซต์หรือที่เรียกว่า การตลาดออนไลน์ เพื่อต้องการยอดขายที่มั่นคงโดยการขยายตลาดและสร้างการรับรู้ให้ร้านค้าของคุณ
หากคุณต้องการเข้าใจพื้นฐานของกิจกรรมการตลาดผ่านทางเว็บไซต์และต้องการเพิ่มยอดขายให้ร้านของคุณ โปรดอ่านบทความนี้และนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม
ทบทวนแนวคิดการตลาด
คำว่า “การตลาด” ใช้เพื่ออธิบาย กิจกรรมทางการตลาดที่หลากหลาย โดยแต่ละกิจกรรมนั้นมีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านประเภทของการตลาด ได้แก่ “การตลาดดิจิทัล” ซึ่งเป็นการใช้การตลาดผ่านเว็บไซต์ออนไลน์และการบริการที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัลอื่นๆ ทั้งหมด และ “การตลาดเชิงพื้นที่” ซึ่งใช้ประโยชน์จากลักษณะเฉพาะของตลาดท้องถิ่น
นอกจากนี้ หลายๆ ท่านอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับ “mass marketing” วิธีการทำการตลาดเพื่อสื่อสารและขายสินค้ากับผู้คนจำนวนมากแบบไม่เฉพาะเจาะจง “SNS marketing” (Social-Network-Service) รูปแบบการตลาดผ่านทางเว็บไซต์ ในการสร้างเครือข่ายสังคม นำเสนอหรือโฆษณาสินค้าให้ผู้ใช้งานในอินเทอร์เน็ตได้เห็น และ “O2O marketing” (Online-to-Offline) คือ การผสมผสานระหว่างการตลาดแบบออนไลน์ไปสู่การตลาดแบบออฟไลน์นั่นเอง ซึ่งเป็นการนำคุณสมบัติเด่นของการตลาดทั้งสองรูปแบบมาคอยเติมเต็มซึ่งกันและกัน และเป็นโมเดลที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ทั่วโลก
สิ่งสำคัญ คือ ต้องเข้าใจและใช้ความแตกต่างระหว่างคุณลักษณะทางการตลาดต่างๆนี้ เพื่อเพิ่มยอดขายให้กับร้านค้าหรือธุรกิจของคุณ
นอกจากนี้ การตลาดผ่านเว็บไซต์และการตลาดอื่นๆ มีวัตถุประสงค์ในการดำเนินงานร้านค้าที่ต่างกัน ดังนั้น วิธีทำการตลาดแบบ (Online-to-Offline) จึงเป็นองค์ประกอบที่สำคัญที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน
แนวคิดทางการตลาดที่คุณต้องรู้สำหรับการบริหารจัดการร้านค้า
“การทำการตลาด” เป็นแนวคิดขั้นแรกของการส่งเสริมการตลาดต่าง ๆ ที่เรียกว่า “〇〇การบริหารการตลาด”แนวคิดเรื่องการตลาดเชิงพื้นที่มีความสำคัญในการส่งเสริมบริหารจัดการร้านค้า จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมุ่งเน้นไปที่พื้นที่ วิเคราะห์ และใช้มาตรการมาช่วยพิจารณาการดำเนินธุรกิจไปในพื้นที่เป้าหมายเพื่อให้มีเกิดประโยชน์และบรรลุเป้าหมาย
การตลาดทางเว็บไซต์ก็มีความสำคัญเช่นกันการตลาดผ่านเว็บไซต์ คือ การตลาดที่ดำเนินการนำเสนอสินค้าผ่านอินเทอร์เน็ต เช่น สื่อบนเว็บไซต์ต่าง ๆ และเป็นส่วนหนึ่งของการตลาดดิจิทัล
การตลาดผ่านเว็บไซต์มีข้อได้เปรียบในการสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์และเพิ่มช่องทางการขายและปริมาณการขาย
ต่อไปนี้เป็นมาตรการการตลาดทางเว็บโดยทั่วไป:
- SEO: ทำให้เว็บไซต์ทางการของร้านค้าของคุณนั้นปรากฏอยู่ในการค้นหาในลำดับแรก ๆ
- SNS: วิธีเพิ่มจำนวนลูกค้าและดึงดูดความสนใจของลูกค้า เปลี่ยนลูกค้าให้กลายเป็นแฟนๆ ธุรกิจของคุณ
- Web advertising: การโฆษณาทางเว็บเป็นแนวทางที่ตรงกลุ่มเป้าหมายและมีประสิทธิภาพ
- Google Business Profile: แสดงที่ตั้งร้านค้าของคุณบน Google Maps
- ปากต่อปาก: ดึงดูดลูกค้าได้โดยอัตโนมัติด้วยวิธีการบอกต่อกัน
การตลาดผ่านเว็บไม่ได้จำกัดอยู่แค่เพียงการทำการตลาดระหว่างการดำเนินงานของร้านค้าเท่านั้น แต่ยังเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มโอกาสให้คนได้มองเห็นและง่ายต่อการเข้าถึง ซึ่งจะสามารถช่วยเพิ่มลูกค้าได้จำนวนมากเหมาะสำหรับการโฆษณาผลิตภัณฑ์เนื่องจากนำข้อมูลมาช่วยวัดประสิทธิภาพได้ง่าย
องค์ประกอบสำคัญ 3 ประการสำหรับการทำการตลาดบนเว็บ
องค์ประกอบ 3 ประการต่อไปนี้ มีความสำคัญต่อการทำการตลาดผ่านเว็บ ดังนี้
- มีความเข้าใจประเภทของวิธีการทางการตลาด
- มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
- วิเคราะห์ตำแหน่งร้าน
เรามาตรวจสอบประเด็นสำคัญของแต่ละองค์ประกอบเหล่านี้กัน
องค์ประกอบสำคัญข้อที่ 1: มีความเข้าใจประเภทของวิธีการทางการตลาด
การทำการตลาดบนเว็บไซต์มีหลายประเภท เราขอแนะนำวิธีการต่างๆ ในการทำการตลาดสำหรับธุรกิจร้านค้าดังต่อไปนี้
- การตลาดเชิงพื้นที่
- การตลาดผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์ก
- การตลาดแบบบอกต่อ
การตลาดประเภทที่ 1: การตลาดเชิงพื้นที่
“การตลาดเชิงพื้นที่” เป็นวิธีการตลาดที่วิเคราะห์ลักษณะเฉพาะทางตลาดในแต่ละภูมิภาคและใช้มาตรการที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละพื้นที่
ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่มีประโยชน์ที่สุดสำหรับคาดการณ์ยอดขายและวิเคราะห์ที่ตั้งของร้านที่จะเปิดหรือขยายสาขา รวมถึงการพิจารณามาตรการที่ต้องดำเนินการเมื่อวางแผนเปิดร้านใหม่
เมื่อต้องการดึงดูดลูกค้า สามารถสร้างการรับรู้ได้ผ่านการโพสต์และการโฆษณาที่กำหนดเป้าหมายตามพื้นที่ภูมิศาสตร์ เช่นเดียวกับการวิเคราะห์ตำแหน่งของป้ายโฆษณา วิเคราะห์เส้นทางของผู้สัญจรไปมา และเพิ่มประสิทธิภาพด้วย Google Business Profile (โปรไฟล์ธุรกิจของ Google) และ “Map Engine Optimization” (การเพิ่มประสิทธิภาพในการค้นหาที่ตั้งใน Google Map) ลูกค้าจะค้นหาร้านค้าของคุณได้ง่ายขึ้น
การตลาดประเภทที่ 2: การตลาด SNS (Social Network Service)
“การทำการตลาดบน SNS” คือการใช้บริการเครือข่ายโซเชียลเน็ตเวิร์ค เช่นTwitter และ LINE เพื่อให้ได้ลูกค้ากลายมาเป็นแฟนเพจติดตามสินค้าเป็นประจำ เพิ่มยอดขาย และสร้างการรับรู้
เมื่อใช้ SNS เพื่อดึงดูดลูกค้า แต่ละสถานการณ์ต่อไปนี้จะมีประสิทธิภาพในสื่อที่เกี่ยวข้อง
- Twitter (X): เมื่อต้องการส่งข่าวสารข้อมูลไปยังผู้คนจำนวนมาก
- LINE: เพื่อขายสินค้าและหาลูกค้าเพิ่มลูกค้าประจำร้าน
- Facebook: เมื่อคุณต้องการส่งข้อมูลให้คนได้รับรู้กิจกรรมของคุณและมีความน่าเชื่อถือในระดับสูงได้โดยใช้ชื่อจริงของคุณ
- Instagram: เมื่อคุณต้องการแนะนำสินค้าและบริการที่โปรโมทได้ง่ายโดยมีรูปถ่ายเป็นจุดสนใจหลัก
การตลาดแบบที่ 3: การตลาดแบบบอกต่อ
“การตลาดแบบบอกต่อ” เป็นเทคนิคการตลาดที่ใช้การบอกต่อทาง อีเมล และ SNS เพื่อเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการไปยังผู้ใช้ที่หลากหลาย เนื่องจากผู้บริโภคโพสต์รีวิวแบบปากต่อปาก ร้านที่ต้องการดึงดูดลูกค้าจึงสามารถคาดหวังได้ว่า การทำการตลาดแบบบอกต่อจะสามารถเพิ่มการรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์ของคุณได้อย่างอัตโนมัติ
เมื่อเปิดร้านใหม่ คุณสามารถเสนอข้อเสนอพิเศษที่น่าสนใจแก่ลูกค้าที่ทำการแชร์ร้านค้าของคุณบนโซเชียล และเพื่อดึงดูดลูกค้า คุณสามารถเสนอส่วนลดและข้อเสนอพิเศษเฉพาะกับลูกค้าที่ได้ทำการรีวิวให้ร้านของคุณ ซึ่งนำไปสู่การทำการตลาดร้านค้าที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ต้องใช้ความระมัดระวังในการควบคุมข้อมูล เนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลที่มากเกินไปผ่านการตลาดแบบบอกต่อ สามารถตีความผิดว่าเป็นสแปมได้
องค์ประกอบสำคัญข้อที่ 2: มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน
เมื่อคุณทำการตลาดผ่านเว็บ สิ่งสำคัญ คือ ต้องมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของคุณ
ตัวอย่างของวัตถุประสงค์เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ได้แก่ โควต้าสำหรับจำนวนการจองสินค้า, การสอบถามข้อมูล และการรับรู้ถึงแบรนด์
การมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนของกิจกรรมทางการตลาดของคุณไม่ใช่แค่การตลาดบนเว็บคุณสามารถคาดหวังให้ธุรกิจของบริษัทเติบโต เช่น ผลิตภัณฑ์และการบริการของคุณจากการที่มีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนนี้จะทำให้สะดวกต่อการสืบค้นกิจกรรมทางการตลาดของคุณในอนาคตได้ง่ายขึ้นด้วย
องค์ประกอบสำคัญข้อที่ 3: วิเคราะห์ตำแหน่งร้านค้าของคุณ
เมื่อเข้าใจจุดแข็งและตำแหน่งของร้านค้าในการแข่งขันแล้ว การพัฒนากลยุทธ์การตลาดผ่านเว็บทำให้ง่ายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
เมื่อวิเคราะห์ตำแหน่งของร้านค้าเราแนะนำให้ใช้ “การวิเคราะห์ STP” (การแบ่งส่วนการตลาด การกำหนดเป้าหมาย และการวางตำแหน่งของสินค้าหรือบริการ เมื่อเราทำการวิเคราะห์ STP จะทำให้กระบวนการทำการตลาดเป็นเรื่องง่ายมากยิ่งขึ้น) ซึ่งสามารถอธิบายได้จากเป้าหมายการตลาดได้ และใช้ “การวิเคราะห์ SWOT” ซึ่งสามารถวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกได้
การตลาดออฟไลน์แบบผสมผสานก็มีความสำคัญเช่นกัน
การผสมผสานการตลาดแบบออฟไลน์เข้ากับการทำการตลาดผ่านเว็บทำให้มีผลดีขึ้น และจะนำไปสู่ความสำเร็จในการเปิดร้านค้าใหม่และการจัดการธุรกิจ
- การโพสต์และการส่งข้อความตรง: การแจกใบปลิวและส่งจดหมายโดยตรงไปยังกล่องจดหมาย
- แบนเนอร์/ป้ายโฆษณา: เป็นเครื่องมือส่งเสริมการขายให้คนได้รับรู้สินค้าและดึงดูดความสนใจของลูกค้า
การแจกใบปลิวและการส่งจดหมายโดยตรงสามารถใช้เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลร้านค้าไปยังทุกครัวเรือนในพื้นที่การค้าขาย ซึ่งจะช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับร้านค้า
นอกจากนี้ แบนเนอร์และป้ายยังช่วยให้มองเห็นร้านหรือเป้าหมายที่ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลมากได้ ซึ่งทำให้เกิดการจดจำร้านค้าได้ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงสร้างความแตกต่างจากร้านค้าใกล้เคียงได้
นอกจากนี้ สิ่งสำคัญคือต้องทำการตลาดแบบออฟไลน์และการตลาดบนเว็บออนไลน์ควบคู่กันเพื่อตอบสนองต่อมาตรการ O2O (Offline to Online) เช่น การตรวจสอบสภาพสินค้าในร้านค้าก่อนซื้อสินค้าบนเว็บ หรือในทางกลับกัน การดูสินค้าบนเว็บก่อน แล้วไปซื้อสินค้าที่อยู่ในร้านค้า
สรุป: การตลาดผ่านเว็บเป็นหนึ่งกลยุทธิ์ที่มีประสิทธิภาพสำหรับการดำเนินงานของร้านค้า
- การตลาดผ่านเว็บมีประสิทธิภาพต่อความสำเร็จของการจัดการร้านค้า
- สิ่งสำคัญคือการเข้าใจประเภทของการตลาดผ่านเว็บและเข้าใจวัตถุประสงค์และตำแหน่งที่ตั้งธุรกิจหรือร้านของคุณ
- เมื่อรวมกับการตลาดแบบออฟไลน์ถือเป็นกุญแจสำคัญในการดำเนินธุรกิจร้านค้าให้ประสบความสำเร็จ
เพื่อขยายการรับรู้ให้คนรู้จักร้านค้าของคุณมากขึ้น คุณต้องเข้าใจความแตกต่างและใช้งานให้แตกต่างออกไป โดยคำนึงถึงลักษณะของการตลาดผ่านเว็บไซต์ ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจวิธีการที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในการทำการตลาดผ่านเว็บสำหรับการดำเนินงานของร้านค้า และเพื่อชี้แจงวัตถุประสงค์ของการตลาดและตำแหน่งของร้านค้าของคุณ
นอกจากนี้การผสมผสานการตลาดบนเว็บออนไลน์และการตลาดออฟไลน์เข้าด้วยกัน คาดว่าจะเพิ่มการรับรู้และส่งเสริมการขายในการดำเนินงานของร้านค้าได้มากขึ้น