คุณสามารถวิเคราะห์ร้านค้าปลีกได้ด้วย KPI! 3 ตัว! มาดูวิธีการวิเคราะห์และคำอธิบายแต่ละขั้นตอน จากบทความนี้เลย

การวิเคราะห์ที่ตั้งร้านค้า
This article can be read in about 15 minutes.

มีคนจำนวนมากที่ต้องการวิเคราะห์ร้านค้าปลีกของตนเอง แต่ไม่ทราบวิธีการวิเคราะห์ที่มีประสิทธิภาพ บริษัทต่างๆ หลายแห่งดำเนินการวิเคราะห์ร้านค้า แต่คุณอาจมีคำถามเกี่ยวกับวัตถุประสงค์ของการวิเคราะห์และข้อมูลที่ควรใช้ประกอบกัน

เพื่อให้การวิเคราะห์ร้านค้าปลีกสามารถปรับปรุงประสิทธิภาพทางธุรกิจได้ จำเป็นต้องมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนในการวิเคราะห์ด้วย

ในครั้งนี้เราจะมาอธิบายความสำคัญของการวิเคราะห์ข้อมูล ดัชนีชี้วัดสำคัญ 3 ตัว และขั้นตอนการวิเคราะห์ สามารถใช้เนื้อหาของบทความนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวิเคราะห์ร้านค้าปลีกอย่างแม่นยำ

  1. การวิเคราะห์ข้อมูลมีความจำเป็นสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพร้านค้าปลีก
  2. KPI 3 เรื่อง ที่มีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ข้อมูลในร้านค้าปลีก
    1. Kpi เรื่องที่ 1: จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมร้านค้า
    2. KPI 1: อัตราการซื้อ
    3. KPI3: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการซื้อของลูกค้า
  3. ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลในร้านค้าปลีก
    1. ขั้นตอนที่ 1 : การตั้งเป้าหมายและสมมติฐาน
    2. ขั้นตอนที่ 2: กำหนดวิธีการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลล
    3. ขั้นตอนที่ 3: วิเคราะห์ข้อมูลและคิดมาตรการเพื่อหาวิธีแก้ไข
  4. มุมมองที่หลากหลายเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ร้านค้าปลีก
    1. รายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้มองเห็นแนวทางปรับปรุงแก้ไขที่มีประสิทธิผลสูง
  5. สรุป : เคล็ดลับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเชี่ยวชาญมุ่งสู่เป้าหมายในการเพิ่มยอดขาย!

การวิเคราะห์ข้อมูลมีความจำเป็นสำหรับการปรับปรุงประสิทธิภาพร้านค้าปลีก

การวิเคราะห์ข้อมูลถือเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องดำเนินการเพื่อการบรรลุเป้าหมายในการสร้างกำไรและยอดขายของร้านค้าปลีก โดยการทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและค้นพบปัญหา คุณสามารถพัฒนากลยุทธ์และมาตรการที่มีประสิทธิภาพได้
วิธีการตั้งเป้าหมายผลกำไรและยอดขายนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัท แต่สิ่งที่ทั้งสองเป้าหมายมีเหมือนกัน คือ การเติบโตของกำไรอย่างต่อเนื่อง และขึ้นอยู่กับสถานการณ์ทางการเงินของคุณ เป้าหมายของคุณอาจเป็นการดำเนินธุรกิจต่อไปหรือขยายธุรกิจหรือการรักษาผลกำไร

ในกรณีของธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลางหรือธุรกิจใหม่ อาจมีบางกรณีที่พวกเขาต้องการเพิ่มยอดขายหรือเน้นที่การขยายธุรกิจเพื่อให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้ จำเป็นต้องต้องรักษาผลกำไรไว้เพื่อครอบคลุมต้นทุนแรงงาน ค่าใช้จ่ายด้านเงินเดือนและการลงทุนทางธุรกิจด้วย

ในการบรรลุเป้าหมายเหล่านี้การวิเคราะห์ข้อมูล เช่น จำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมร้านค้า ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า และอัตราการซื้อ จะช่วยให้คุณกำหนดมาตรการที่ทำให้เกิดประสิทธิผลได้โดยการทำความเข้าใจปัญหาและแนวโน้มต่างๆ

KPI 3 เรื่อง ที่มีความสำคัญต่อการวิเคราะห์ข้อมูลในร้านค้าปลีก

ในการวิเคราะห์ข้อมูลร้านค้าปลีกอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องใช้ “ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ KPI (Key Performance Indicators)” ที่สำคัญ 3 เรื่อง ที่เกี่ยวข้องกับยอดขาย
มีตัวชี้วัดประสิทธิภาพหลัก 3 ตัวที่เกี่ยวข้องกับยอดขาย ได้แก่:

  • จำนวนลูกค้าที่เข้ามาเยี่ยมชมที่ร้าน
  • อัตราการซื้อ
  • ราคาเฉลี่ยต่อลูกค้า

KPI เป็นตัวชี้วัดที่สำคัญในการวัดผลความสำเร็จของเป้าหมายและเป็นตัวบ่งชี้ในการประเมินผลการดำเนินงานขององค์กรเชิงปริมาณ

เราจะอธิบายตัวชี้วัดแต่ละตัวโดยละเอียด ดังนี้

Kpi เรื่องที่ 1: จำนวนผู้เข้าเยี่ยมชมร้านค้า

จำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านเป็น KPI ที่สำคัญซึ่งระบุถึงจำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านของคุณ
มีความเกี่ยวข้องอย่างมีนัยสำคัญกับยอดขายและเป็นข้อมูลสำคัญในการวัดความสามารถของร้านค้าในการดึงดูดลูกค้าและประสิทธิภาพของมาตรการทางการตลาด อย่างไรก็ตาม เนื่องจากข้อมูลที่นับได้จากเครื่องบันทึกการขาย POS เป็นเพียงจำนวนลูกค้าที่ซื้อสินค้าเท่านั้น เพื่อให้ได้ตัวเลขของลูกค้าทั้งหมดที่มาที่ร้าน จึงจำเป็นต้องใช้การวัดโดยใช้เครื่องนับจำนวนลูกค้าที่มาที่ร้าน (เครื่องนับจำนวนผู้เข้ามาเยี่ยมชมใช้บริการ, เครื่องนับจำนวนคน ฯลฯ)

นอกจากนี้ จำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านค้ายังขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพอากาศ ดังนั้น การรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลเป็นประจำจึงเป็นสิ่งสำคัญเพื่อทำความเข้าใจแนวโน้มความต้องการและผลกระทบของฤดูกาล จากนั้นจึงดำเนินหามาตรการที่เหมาะสม

KPI 1: อัตราการซื้อ

อัตราการซื้อ คือ ตัวชี้วัดประสิทธิภาพ (KPI)ที่แสดงเปอร์เซ็นต์ของลูกค้าที่ซื้อสินค้าจริงของลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านค้า อัตราการซื้อช่วยให้คุณวิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อของลูกค้าได้

อัตราการซื้อ = จำนวนลูกค้าที่ซื้อ ÷ จำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านค้า

เพื่อเพิ่มอัตราการซื้อ สิ่งสำคัญ คือ การเพิ่มจำนวนลูกค้าที่มาที่ร้านและสร้างโอกาสในการซื้อ การจัดแสดงสินค้าที่น่าดึงดูด มาตรการส่งเสริมการขาย และโปรโมชั่นการขายที่มีประสิทธิภาพก็มีความสำคัญเช่นกัน

นอกจากนี้ หากอัตราการซื้อต่ำถึงแม้ว่าจำนวนลูกค้าที่มาเยี่ยมชมร้านจะสูงก็ตามจำเป็นต้องปรับปรุงการบริการลูกค้าและสภาพแวดล้อมของร้าน เช่น การปรับปรุงทักษะการขายของพนักงาน และการสร้างเส้นทางการเดินเยี่ยมชมสินค้าในร้านที่ทำให้เกิดการซื้อง่ายขึ้น

KPI3: ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อการซื้อของลูกค้า

ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า คือKPI ที่แสดงจำนวนเงินเฉลี่ยที่ลูกค้ารายหนึ่งใช้จ่ายในการซื้อครั้งเดียว (transaction)ข้อมูลนี้มีความสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการขาย และมีประโยชน์ในการทำความเข้าใจพฤติกรรมการซื้อและแนวโน้มการขายของลูกค้า

ยอดใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า = ยอดขายร้านค้า ÷ จำนวนลูกค้าที่ซื้อ (number of transactions)

เพื่อเพิ่มยอดการใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า นอกจากจะปรับปรุงทักษะการขายและการบริการลูกค้าของพนักงานแล้ว การขายแบบไขว้ยังเป็นมาตรการที่มีประสิทธิภาพอีกด้วย โดยการแนะนำผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกันหรือจัดชุดผลิตภัณฑ์และเสนอสิทธิประโยชน์พิเศษเพื่อเพิ่มแรงจูงใจในการใช้จ่ายของลูกค้าได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุดจะเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลและแคมเปญ ราคาเฉลี่ยต่อลูกค้าอาจไม่คงที่เสมอไป สิ่งสำคัญ คือ ต้องรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลและพัฒนามาตรการเป็นประจำพร้อมทั้งทำความเข้าใจแนวโน้มการซื้อขายด้วย

ขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลในร้านค้าปลีก

การวิเคราะห์ข้อมูลจะดำเนินการ โดยใช้ขั้นตอนต่อไปนี้

  • 1. กำหนดเป้าหมายและสมมติฐาน
  • 2. กำหนดวิธีการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูล
  • 3. วิเคราะห์ข้อมูลและคิดมาตรการหาวิธีแก้ไข

เราจะอธิบายในแต่ละขั้นตอน ดังนั้นโปรดใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวิเคราะห์

ขั้นตอนที่ 1 : การตั้งเป้าหมายและสมมติฐาน

เมื่อวิเคราะห์ข้อมูลในร้านค้าปลีกสิ่งสำคัญ คือ การกำหนดเป้าหมายและสมมติฐานก่อนเป้าหมาย คือ ผลลัพธ์ที่คุณต้องการบรรลุหรือปัญหาที่คุณต้องการปรับปรุงแก้ไขโดยผ่านการวิเคราะห์

เป้าหมายจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ปัจจุบันของบริษัท ดังนั้น ขั้นแรก ให้พิจารณาอย่างรอบคอบว่ามีปัญหาหรือพื้นที่ใดที่ต้องปรับปรุงภายในบริษัทบ้าง เมื่อคุณรวบรวมข้อมูลนี้แล้ว ให้กำหนดเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจง เช่น เพิ่มยอดขายหรือปรับปรุงมาตรการเพื่อดึงดูดความสนใจของลูกค้า

เมื่อคุณตั้งเป้าหมายแล้ว ให้สร้างสมมติฐานสำหรับเป้าหมายนั้น การตั้งสมมติฐานจะช่วยให้คุณมีทิศทางการวิเคราะห์และรู้ว่าข้อมูลไหนที่ควรเน้นในการรวบรวมได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งจะทำให้กิจกรรมทางการตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ขั้นตอนที่ 2: กำหนดวิธีการวิเคราะห์และรวบรวมข้อมูลล

หลังจากกำหนดเป้าหมายและสมมติฐานของคุณแล้ว ให้เลือกวิธีการวิเคราะห์ที่ตรงกับเป้าหมายของคุณ
วิธีทั่วไป ได้แก่ การวิเคราะห์ ABC การวิเคราะห์คลัสเตอร์ และการวิเคราะห์การเชื่อมโยง แต่เนื่องจากแต่ละวิธีให้ข้อมูลที่แตกต่างกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องเลือกวิธีการวิเคราะห์ที่เหมาะสมในการบรรลุ KPI ให้ร้านค้าของคุณ

  • การวิเคราะห์ ABC(ABC analysis ):วิธีการกำหนดว่าตัวชี้วัดใดที่ควรให้ความสำคัญและจัดลำดับเพื่อจัดการ ตัวชี้วัดเหล่านั้น
  • การวิเคราะห์คลัสเตอร์(Cluster analysis):วิธีการจัดกลุ่มข้อมูลที่มีลักษณะคล้ายกันจากข้อมูลที่หลากหลาย
  • การวิเคราะห์ความสัมพันธ์(Association analysis):วิธีวิเคราะห์ความสัมพันธ์ระหว่างผลิตภัณฑ์จากข้อมูลจำนวนมาก

เมื่อคุณตัดสินใจเกี่ยวกับวิธีการวิเคราะห์ได้แล้ว ให้รวบรวมข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการวิเคราะห์ผ่านข้อมูลการจัดซื้อ, ข้อมูลลูกค้าและการสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า เป็นต้น

ขั้นตอนที่ 3: วิเคราะห์ข้อมูลและคิดมาตรการเพื่อหาวิธีแก้ไข

เมื่อการเตรียมการเสร็จสิ้นแล้ว ให้วิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมไว้ และใช้ผลลัพธ์ของการวิเคราะห์เพื่อระบุปัญหาและวิธีแก้ไข

ขั้นแรก ให้ระบุปัญหาตามผลการวิเคราะห์ข้อมูลระบุปัจจัยที่ส่งผลต่อยอดขายในร้าน เช่น จำนวนผู้เยี่ยมชมร้านลดลง หรือค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้าลดลง

เมื่อระบุปัญหาได้แล้ว ให้คิดหาวิธีแก้ไข หากปัญหา คือ จำนวนลูกค้าที่มาที่ร้านลดลง แนวทางแก้ไขที่เป็นไปได้ ได้แก่ มาตรการดึงดูดลูกค้าและกิจกรรมโฆษณาเพื่อดึงดูดลูกค้า หากปัญหา คือ ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้าลดลง คุณอาจต้องพิจารณาทบทวนรูปแบบและราคาของผลิตภัณฑ์ พิจารณาวิธีเพิ่มแรงจูงใจในการซื้อของลูกค้า

การคิดหาแนวทางแก้ไขปัญหาตามผลลัพธ์จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายร้านค้าได้

มุมมองที่หลากหลายเป็นกุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ร้านค้าปลีก

เมื่อทำการวิเคราะห์ร้านค้าปลีกสิ่งสำคัญ คือ การวิเคราะห์ข้อมูลจาก 3 มุมมอง ได้แก่ ร้านค้า ลูกค้า และผลิตภัณฑ์

ขั้นแรก ข้อมูล เช่น จำนวนลูกค้าที่เข้าเยี่ยมชมร้าน ค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า และอัตราการซื้อ จะถูกวิเคราะห์จากมุมมองของร้านค้า จากนั้นจึงวิเคราะห์คุณลักษณะและประวัติการซื้อจากมุมมองของลูกค้า
สุดท้ายนี้ ให้วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ขายดีที่สุด สถานะสินค้าคงคลัง วิธีการจัดแสดง ฯลฯ จากมุมมองของผลิตภัณฑ์ ระบุปัญหา และดำเนินมาตรการที่เหมาะสม

การวิเคราะห์ข้อมูลจากหลายมุมมองในการวิเคราะห์ร้านค้าปลีกจะช่วยให้คุณค้นพบมาตรการที่จะนำไปสู่การเพิ่มยอดขายได้

รายงานผลการวิเคราะห์ข้อมูลทำให้มองเห็นแนวทางปรับปรุงแก้ไขที่มีประสิทธิผลสูง

เราขอแนะนำให้คุณแสดงข้อมูลที่วิเคราะห์แล้วโดยใช้เครื่องมือ GIS เปรียบเทียบกับข้อมูลทางสถิติ และสร้างรายงาน เครื่องมือ GIS สามารถแสดงข้อมูลและข้อมูลทางสถิติบนแผนที่ ทำให้เข้าใจความสัมพันธ์ของข้อมูลและแนวโน้มข้อมูลเชิงพื้นที่ได้ง่าย และยังสามารถคาดการณ์ยอดขายได้อีกด้วย

สรุป : เคล็ดลับการวิเคราะห์ข้อมูลอย่างเชี่ยวชาญมุ่งสู่เป้าหมายในการเพิ่มยอดขาย!

  • การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นองค์ประกอบสำคัญในการบรรลุเป้าหมายทำธุรกิจร้านค้าปลีก
  • KPI 3 ตัวบ่งชี้ ที่มีความสำคัญ ในการวิเคราะห์ข้อมูลให้มีประสิทธิภาพ
  • กุญแจสำคัญในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ การกำหนดเป้าหมายและตรวจสอบผลลัพธ์

เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายด้านกำไรและยอดขายของร้านค้าปลีก การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อระบุปัญหาจากสถานการณ์ปัจจุบันถือเป็นสิ่งสำคัญ เมื่อทำการวิเคราะห์ข้อมูล คุณสามารถนำผลลัพธ์มาสนับสนุนการปรับปรุงประสิทธิภาพของร้านค้าได้อย่างง่ายดายโดยใช้ KPI ทั้ง 3 ตัว (จำนวนลูกค้าที่มาที่ร้าน, อัตราการซื้อ และค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อลูกค้า)

ในการวิเคราะห์จริงให้กำหนดเป้าหมายและเลือกวิธีการวิเคราะห์ตามสมมติฐานก่อนการวิเคราะห์จะมีความหมายก็ต่อเมื่อคุณค้นพบปัญหาจากผลลัพธ์และเชื่อมโยงปัญหาเหล่านั้นนำมาแก้ไขปรับปรุงแล้ววัดผลการปลี่ยนแปลง แทนที่จะปล่อยให้ผลลัพธ์เป็นไปตามเดิม

สามารถใช้บทความนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการวิเคราะห์ข้อมูลร้านค้าปลีกของคุณอย่างมีประสิทธิภาพ

Copied title and URL